ประวัติการละเล่นดงรำใย
เมื่อประมาณ ร.ศ.2446 สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีการตั้งถิ่นฐานชื่อบ้าน "หนองแนม" ตำบลบ้านโป่ง แขวนเมือง นครราชสีมา พื้นที่ภูมิประเทศเป็นป่าไม้อุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านหนองแนบได้มีการประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์ หาของป่า มาขาย มาบริโภค ซึ่งเมื่อก่อนการสัญจรไปมาต้องใช้การเดินเท้าใช้เกวียนเป็นพาหนะเวลาออกไปหาของป่า แต่ละครั้งต้องไปหลายวัน ต้องไปนอนค้างคืนในป่าในดงซึ่งมีระยะทางไกล
ดงลำไย หรือ ภูมิลำไย ปัจจุบันอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านระยะทางจากหมู่บ้านไปดงลำไยประมาณ 25-30 กิโลเมตร เป็นป่าดงดิบอุดมสมบูรณ์ไปด้วย พืช พันธุ์ ไม้ต่างๆ เช่น ไม้หอม ไม้ชิงชัน มะค่า โม่ง ตลอดทั้งสัตว์ป่า หมู เก้ง กวาง หน่อไม้ เห็ดต่างๆ ซึ่งชาวบ้านก็นัดหมายกันเข้าไปหาของป่าเป็นคณะไปกันคุ้มละ 10 คนบ้าง 20 คนบ้าง ไปคราวละ 7-10 วัน กลับมาบ้านครั้งหนึ่งโดยใช้เกวียนเป็นพาหนะขนสัมภาระไปนอนอยู่ในดงลำไย
ต่อมามีการล้มป่วยของพรานป่า รักษาอย่างไรก็ไม่หาย จึงได้มีการทรงเจ้า ประกอบกับคนป่วยฝันว่าเห็นผู้ชายรูปร่างดำ ตัวใหญ่ มาบอกว่า "ถ้ามึงอยากหายจากการป่วยไข้ ให้พวกมึงไปขอขมากูเพราะพวกมึงไปลบลู่กู แล้วให้พวกมึงไปรำแก้บนกู พวกมึงบนกูไว้ แล้วพวกมึงจะหายจากอาการเจ็บป่วย อยู่เย็นเป็นสุขกัน" ต่อมาคณะชาวบ้านจึงเดินทางขึ้นไปแก้บนและได้รำแก้บนต่อสิ่งศักสิทธิ์ ต่อมาไม่นานคนที่ล้มป่วยก็หายป่วยเป็นปกติ ชาวบ้านเลยเชื่อและได้นำการละเล่นดังกล่าวมาเล่นกันในงานเทศกาลต่างๆ โดยการร้องสร้อยของเพลงต้องขึ้นต้นด้วยคำว่า "ดงลำไย" ทุกตอนเพื่อแสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และให้ชื่อการละเล่นนี้ว่า "การละเล่นดงลำไย" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา